ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในสองไตรมาสแรกของปี54 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงแม้จะมีปัญหาทางการเมืองในประเทศตะวันออกกลาง เหตุการณ์ภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่น แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจโลกมากนัก ส่วนประเทศไทยนั้นภาพรวมของเศรษฐกิจก็ยังคงเติบโตตามคาดการณ์ และเมื่อดูภาพรวมของการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกขยายตัวที่ระดับ 3 % เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งออก การเกษตร การท่องเที่ยว การใช้จ่ายภาคครัวเรือน และการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น(ที่มา:สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) ซึ่งสอดคล้องกับบริษัทฟรอสต์ แอนด์ ซิลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลกที่เปิดเผยว่าการคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 4 % ตามการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ซึ่งเมื่อดูแล้วในไตรมาสสามเศรษฐกิจของไทยก็น่าที่จะเติบโตอยู่ในช่วง 3-4%
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวในไตรมาสสองที่ผ่านมาพบว่า ในเดือนเมษายนนั้นมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนทั้งสิ้น 1.49 ล้านคน เพิ่มขึ้น 35.17% เมื่อเทียบกับปี53 เดือนพฤษภาคมมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศจำนวนทั้งสิ้น 1.37 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 65.61% และยอดรวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนมกราคม-พฤษภาคม มีจำนวนทั้งสิ้น 8.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น24.36 % แสดงว่านักท่องเที่ยวมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นในการเลือกเมืองไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว ซึ่งก็คาดการณ์ว่าในไตรมาสสาม จำนวนนักท่องเที่ยวก็น่าจะเพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวควรที่จะอาศัยโอกาสนี้ในการที่จะช่วยกันสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวผ่านทางมรดกวัฒนธรรมของเราในความเป็นไทย อย่างสร้างสรรค์ตามแนวทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 ที่กำลังจะประกาศใช้ในปี 2555โดยเน้นไปที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์(creative economy) ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ในการรองรับการเปิดการค้าเสรีในด้านการบริการ
ผู้ประกอบการโดยเฉพาะขนาดกลางและขนาดเล็กจึงควรตระหนักในสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดในอนาคตอันใกล้และเร่งเตรียมความพร้อมในการยกระดับคุณภาพในการให้บริการเพื่อรองรับการแข่งขันและสามารถจัดการกับความเปลี่ยนแปลงได้ จึงเป็นโจทย์ที่สำคัญว่าภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยจะอาศัยความได้เปรียบดึงนักท่องเที่ยวให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้มากน้อยเพียงใด นอกจากนั้นในส่วนข้อเสนอแนะของผู้มีปัญญาปฏิบัติในการรับมือกับการเปิดเสรีการค้าด้านบริการที่เห็นเป็นรูปธรรมและสามารถนำไปปฏิบัติได้สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยคือ การปรับปรุงกระบวนการและมาตรฐานการให้บริการให้ทัดเทียมกับคู่แข่งจากต่างประเทศ รวมถึงพัฒนาศักยภาพทางการจัดการธุรกิจและบุคลากร สร้างเงื่อนไข กำแพงและความยากลำบาก (NTBs: Non-Tariff Barrier) ให้กับคู่แข่งที่เข้ามาในประเทศไทยในอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบการไทยขาดความพร้อมหรืออ่อนแอ และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับต่างชาติที่อยู่ภายในกลุ่มเดียวกัน เพื่อสร้างอำนาจการต่อรองในการดำเนินธุรกิจและความได้เปรียบทางการค้ากับคู่แข่งขันนอกกลุ่ม