เศรษฐกิจโลกในช่วงไตรมาสอง ของปี2554 ยังคงอยู่ในภาวะเติบโต ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนเศรษฐกิจไทยก็มีแนวโน้มเติบโตในไตรมาสสอง เช่นกันเพราะมีสัญญาณที่ดีจากการส่งออกในไตรมาสหนึ่ง ถึงแม้ว่าการเกิดแผ่นดินไหวและซึนามิที่ประเทศญี่ปุ่นจะทำให้กระทบต่อการส่งออกบ้างแต่เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้นจากการปิดทำการของท่าเรือและสนามบิน แต่อาจจะมีสินค้าบางอย่างเช่น อาหารที่จะได้รับอานิสงค์ ที่ญี่ปุ่นจะต้องนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้น ส่วนปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ที่เกิดขึ้นจะทำให้จีดีพีของไทยปรับลดลงร้อยละ 0.2 – 0.3 และเมื่อรวมผลกระทบจากภัยพิบัติในญี่ปุ่น คาดว่าจะส่งผลให้จีดีพีของประเทศไทยปี 54 ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.5 – 4.0 จากเดิมที่คาดการณ์ว่าอยู่ที่ร้อยละ 4.2 (ที่มา :หอการค้าไทย,2554) แต่แนวโน้มก็ยังคงเติบโต
นอกจากนั้นการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น จากภาพที่ 1 ทำให้แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวในครึ่งปีแรกของปี2554 ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวไทยน่าจะมีจำนวนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2553 อันเป็นผลมาจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย แต่สิ่งที่ผู้มีปัญญาปฏิบัติเป็นกังวลในอนาคตอันใกล้ก็คือการเปิดเสรีทางการค้าโดยเฉพาะด้านการบริการ ถึงแม้ถ้ามองภาพรวมจะส่งผลดีทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของอาเซียนเติบโตขึ้น จากการเคลื่อนย้ายเงินลงทุน แรงงาน การเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งก็จะส่งผลต่อการแข่งขันของธุรกิจต่างๆโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่จะต้องปรับตัว จากข้อกำหนดที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่า ประเทศสมาชิกในอาเซียนทุกประเทศ จะต้องอนุญาตให้นักลงทุนอาเซียนสามารถถือหุ้นในนิติบุคคลในกิจการธุรกิจบริการได้อย่างน้อย 70% ภายในปี พ.ศ. 2558 โดยให้แนวทางการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้นดังนี้
- การรวมตัวกันของสมาคมต่างๆต้องให้มีความเข้มแข็งทั้งภายในเครือข่ายและเชื่อมโยงระหว่างเครือข่าย เพื่อช่วยกันรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจ
- ปรับกลยุทธ์ให้ตรงกับสภาพทางการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป ควรจะต้องเพิ่มศักยภาพทางด้านภาษาต่างประเทศรวมทั้งศึกษาวัฒนธรรมต่างชาติที่คาดว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ให้มากขึ้น
- ใช้สิ่งที่เป็นจุดแข็งของประเทศ เช่น สุขภาพ วัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ มาใช้กับการท่องเที่ยวเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน
- เพิ่มขีดความสามารถในด้านต่างๆของธุรกิจเพื่อรองรับการแข่งขัน เนื่องจากสภาพตลาดมีแนวโน้มแข่งขันกันรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กจึงควรต้องให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน และความคุ้มค่าของการบริการให้มากขึ้น